รีวิว กิน เที่ยวที่ญี่ปุ่น ภาค 2 ณ กรุงโตเกียว

ต่อจากภาค 1 นะคะ

หลังจากไหว้พระที่วัดเซ็นโซจิ  ก็เดินเล่นย่านอาซากุสะต่อ

เดินมาเรื่อยๆ มาแวะเดินตลาดอะเมโยโกะ (Ameyoko Market)

บรรยากาศในตลาดก็ประมาณนี้ค่ะ

จะเจอเจ๊ผู้หญิงกะคุณผู้ชายประจันหน้ากันบนหลังคา

IMG_1211

IMG_1210

DSC_1481

ไม่พลาดถ่ายมุมนี้ค่ะ

IMG_1212 IMG_1213

ร้านนี้ขายของกระจุกกระจิกของเจ้าลิง monchhichi  ราคาก็แพงใช้ได้ค่ะ

IMG_1214

อันนี้อยู่หน้าร้านอาหาร  ปลาอะไรไม่ทราบ

เดินมาที่ศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยววัฒนธรรมอะซากุสะ (Asakusa Culture Tourist Information Center) จาก Asakusa Station เดินไป 5 นาที  ขึ้นลิฟท์ไปชมวิวย่านนี้ได้ฟรีที่ชั้น 8 จะมีร้านคาเฟ่อยู่ด้วย  แต่เราไปชมวิวเฉยๆ ก็ได้ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.jnto.go.jp/eng/location/spot/tic/asakusa_culture.html

IMG_1215  IMG_1216

IMG_1217

มุ่งหน้าไปชมวิวต่อที่สวนสาธารณะอุเอะโนะ (Ueno Park) เดินแบบไม่วางแผนไว้ก่อนว่าจะไปดูจุดไหนบ้าง  รู้สึกไร้ทิศทาง และเดินเมื่อยขาลากเลยค่ะ

IMG_1218

บริเวณหน้าสวนสาธารณะก็จะพบกับรูปปั้นไซโง ทะกะโมะริ (Saigo Takamori) หรือที่เรารู้จักกันในนาม  ซามูไรคนสุดท้าย The last Samurai ภาพยนตร์ที่ทอม ครูซ เล่น

IMG_1243

IMG_1219

IMG_1220

วัดคิโยมิสึแคนนอน (Kiyomizu Kannon Temple) สร้างขึ้นในปี 1631 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวัดคาเนจิ ภายในวัดมีรูปภาพของเจ้าแม่กวนอิมโคโซดาเตะ (Kosodate Kannon) มีความศักสิทธิ์โดยเฉพาะเรื่องการของบุตร  เค้าห้ามถ่ายรูปข้างใน

IMG_1221IMG_1244

มองจากวัดคิโยมิสึแคนนอนจะเห็นศาลาหลังคาสีเขียว

IMG_1241

วัดเบนเทนโดะ (Bentendo Temple) ศาลาวัดอาคารทรง 8 เหลี่ยม หลังคาสีเขียว อยู่ข้างทะเบสาบชิโนบาซุ

อยากจะไปดูสระบัวค่ะ  ลืมไปว่ามาโตเกียวช่วงปลายหนาว  ไม่มีบัวบานให้ดูซักดอก

IMG_1246

IMG_1245

มีแต่บัวแห้งเหี่ยว  กะเป็ดน้อยว่ายน้ำ 1 ตัว

IMG_1247

หลังจากเดินจนหมดแรง  แวะหาอะไรกินรองท้องที่ตลาดอะเมโยโกะ (Ameyoko Market) คนเยอะมาก  พยายามหาร้านอาหารที่คิวไม่ยาว  คนไม่เยอะมาก

IMG_1248

IMG_1208

ชื่อร้านอะไรลืมถ่าย  จำได้แต่ร้านจะอยู่ชั้น 2 เดินขึ้นบันไดเล็กๆ ไป  มีแต่คนญี่ปุ่นมาทาน  ดีนะมีรูปให้พอชี้ๆ มั่วไปได้

แล้วก็เดินทางกลับหอพัก TKC  มาทานมื้อเย็นค่ะ

IMG_1209

สเต็กไก่ดูแห้งแล้งเหลือเกิน  ทานกับซุปสาหร่ายใส่เห็ด  และน้ำแอปเปิ้ล

รีวิวภาค 3 จะพาไปเที่ยวที่เมืองคามาคุระ ไปไหว้พระใหญ่ไดบุตสึ (Daibuzu) หรือ    (Great Buddha of Kamakura) แห่งวัดโคโตกุอิน (Kotoku-in Temple) รอติดตามนะคะ

รีวิว กิน เที่ยวที่ญี่ปุ่น ภาค 1 ณ กรุงโตเกียว

เมื่อช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ 2558 ได้รับทุน*จากประเทศญี่ปุ่นไปอบรมที่โตเกียวเป็นเวลา 1 อาทิตย์ ไปกะพี่ที่ทำงานอีกท่านนึง  ค่าใช้จ่ายของทุนจะครอบคลุมในส่วนของ 1. ค่าเครื่องบิน  2. ที่พักตามที่เค้าจัดไว้ให้  ไปพักที่อื่นจ่ายเองนะ  3. ค่าเดินทางรถไฟไป-กลับจากสนามบินมาที่พัก  และค่ารถไฟจากที่พักไป-กลับสถานที่อบรมเท่านั้นนะคะคุณขา  ออกนอกเส้นทางจ่ายเองจ้า  4. ค่าอาหารมื้อเที่ยงให้เป็นเงิน ส่วนมื้อเช้าและเย็นให้กินที่หอพักค่ะ  หืมมมม  ใจคอจะไม่ให้ไปเที่ยวไหนเลย เลิกเรียนตรงกลับหออย่างเดียวรึ  แน่นอนว่าอบรมเสร็จ 5 โมงเย็นก็ชะแว้บ ไปเดินเที่ยว และหาอะไรอร่อยๆ กินค่ะ

เมื่อ 2 ปีที่แล้วก็เคยได้ทุนไปอบรมที่ญี่ปุ่นเช่นกัน  แต่รอบนั้นเป็นทุนของอีกสถาบันนึง  อบรม 2 อาทิตย์  รอบนั้นมีค่าอาหารให้เต็มๆ ค่ะ  คือคุณไปหาซื้อเองเอาที่สบายใจเลย  และก็มีเงินค่าขนมให้ติดกระเป๋านิดหน่อยรอบนั้นยังควักเนื้อเลย  รอบนี้ก็ไม่ได้ชะล่าใจค่ะ  เตรียมตังค์ส่วนตัวไปประมาณ 29,000 บาท ช่วงวันหลังๆ ก็ยังแทบไม่พอใช้  เหลือกลับมา 1,000 เยนจ้า

สรุปคือ  ในส่วนที่รีวิวไปกิน ไปเที่ยวจะเป็นส่วนที่จ่ายตังค์เองล้วนๆ ค่ะ

มาถึงสนามบินสุวรรณภูมิต้องเติมพลังก่อนที่ศูนย์อาหารด้านล่างสนามบินค่ะ  มาทีไรก็กินข้าวมันไก่เกือบทุกที  รสชาติอร่อย  ข้าวนิ่มกำลังดี

image

ขึ้นสายการบิน Japan Airlines เรื่องน้ำหนักกระเป๋าเดินทางชั้นประหยัดเค้าให้ 23 กิโลกรัมค่ะ  ก่อนจะมาที่นี่อยู่บ้านชั่งแล้วชั่งอีก  กลัวจะเกิน  ไปช่วงปลายฤดูหนาว  แต่ก็ยังหนาวอยู่นะ  เตรียมอุปกรณ์กันหนาวเต็มที่ค่ะกระเป๋าแทบปริ

เครื่องออก 21.55 น.

image

image

หน้าตาอาหารที่เสิร์ฟบนเครื่อง  มีเค้กกล้วยหอมด้วย

นั่งไปลงสนามบิน Haneda ก็แวะซื้อซิมไว้เล่นอินเตอร์เน็ต  เพราะชีวิตนี้ขาดอินเตอร์เน็ตไม่ได้นะจ๊ะ สนามบินเล็กๆ ร้านรวงไม่เยอะเท่าไหร่  ไปถามอยู่ 2 ร้านในสนามบิน  ราคาไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่เลยคือ  แพงเหมือนกัน ซื้อของ DOCOMO มาค่ะ  แต่จำไม่ได้ว่าเท่าไหร่  แต่  มีเจ้าหน้าที่จากสถาบันที่ให้ทุนพาไปส่งขึ้นรถไฟไปโตเกียว คุณลุงรอดูจนเราเดินขึ้นรถไฟสาย Tokyo Monorail แล้วถึงเดินกลับไป  ประมาณว่า  ยังไงๆ แกก็ต้องไปถึงหอพักแน่

เราก็เริ่มเดินทางตามแผนที่ทางเจ้าหน้าที่จัดไว้ให้  ในแผนย้ำชัดเจนว่าไม่ให้ขึ้นรถแท็กซี่ค่ะ  ถ้าขึ้นแท็กซี่จำนวนเงินส่วนที่เกินจากแผนที่เค้าเตรียมไว้ให้ต้องจ่ายเองค่ะ (รู้ค่ะว่าค่าแท็กซี่แพง แต่ตามแผนการเดินทางนี่ให้อิชั้นเดินทางสมบุกสมบันมากเลยนะคะ  ที่สำคัญคราวก่อนก็พักหอพักนี้  ไกลสุดโลก  อีกนิด.. อีกนิดเท่านั้นจะออกจากเขตโตเกียวอยู่แล้ว)

image

image

image

นั่งรถไฟเข้าเมืองช่วงเช้าคนโล่งมาก  เซลฟี่ได้ไม่เขิน  อิอิ

  1. นั่งไปสถานี Hamamatsu-cho Sta. ค่าตั๋ว JPY 490 ประมาณ 25 นาที

     2. นั่งรถไฟสาย JR Yamanote ไปลงสถานี Nippori ค่าตั๋ว JPY 170 ประมาณ 20 นาที

     3. ลงจากสาย JR แล้วไปขึ้นสาย Keisei แทน ไปลงสถานี Keisei-Sekiya ราคา JPY 190

4. แล้วก็เดินลากกระเป๋าเดินทางอย่างทุลักทุเล  เลาะเลียบถนนขนานทางรถไฟไปที่หอพัก*  จะเป็นหอพักสำหรับคนที่มีอบรมในญี่ปุ่นค่ะ  ไม่แน่ใจว่าคนนอกให้พักมั้ย

เดินประมาณ 550 เมตร  แล้วก็ถึงซะที  คุณพระคุณเจ้าช่วยด้วย เดินแบกเป้ ลากกระเป๋าเดินทางเกือบ 20 กิโลกรัม บนพื้นขรุขระมั่ง เรียบมั่ง มันก็เหนื่อยอยู่นะคะ

สภาพในห้องพัก  มีห้องน้ำในตัว

image

image

หลังจากพักให้หายเหนื่อย  ซึ่งก็ยังไม่หาย  ก็ไปเดินเล่นที่ย่านอาซากุสะนั่นเองงงงงง  นั่ง Tokyo Metro มาลงสถานีอาซากุสะ (Asakusa Station)

image

image

จิตรกรรมฝาผนังที่สถานีอาซากุสะ

image

คุณลุงขายขนมอะไรซักอย่าง

IMG_9965-1

image

วัดเซ็นโซจิ (Senso-ji Temple) คนเยอะมากๆ

image

image

IMG_9967-1IMG_9968

image

image

image

บรรยากาศภายในวัดค่ะ

ปล. รูปที่ถ่ายจะมาจาก Iphone5s กับกล้อง Nikon1 J3 ค่ะ

*รายละเอียดบางอย่างอาจจะไม่ใส่  เดี๋ยวจะรู้ว่าเป็นทุนอะไร  ใครให้  เม้าท์มอยมากเดี๋ยวไม่ดีค่ะ   ^^

รอติดตามรีวิวไปกิน เที่ยวที่ญี่ปุ่น ภาค 2 นะคะ  จะรีวิวที่ไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะอุเอะโนะ (Ueno Park)  จะรีบเขียนให้เสร็จค่ะ

ขอบคุณที่ติดตามค่ะ